9น้ำมันใช้กันให้ถูก

น้ำมันหลักๆจะแบ่งตามการใช้งาน เช่นน้ำมันสำหรับผัดหรือทำสลัดก็จะใช้ทอดไม่ได้ เพราะจุดเกิดควันต่ำ อันนี้ต้องระวังมากๆ ต้องดูให้ดีว่าจะทำอะไรแล้วใช้น้ำมันอะไร ใช้ผิดไหม้คากระทะไม่รู้ด้วยนะ ถัดไปก็พวกกลิ่นต่างๆที่จะมีเฉพาะตัว ก็จะเหมาะกับอาหารเป็นเมนูๆไปก็แล้วแต่สูตรเขาล่ะนะก็ดูกันให้ดี สุดท้ายก็เป็นเรื่องสุขภาพ แคลอรี่ คลอเรสเตอรอล วิตามินต่างๆ ใครที่รักสุขภาพก็ต้องดูละเอียดกันไปอีกขั้นนึง และในวันนี้ หนูมัสก็ได้รวบรวมน้ำมันทั้งหมดเท่าทีจะหาได้ มาแผ่ให้ดูกันจะๆไปเลยว่าตัวไหนเป็นยังไง ไปดูกัน


1.น้ำมันถัวเหลือง



เป็นน้ำมันที่มีกลิ่นและรสไม่จัด ราคาไม่แพง เลยได้รับความนิยมในการนำใช้งานมากที่สุด เหมาะสำหรับการผัดแต่ไม่ควรเอาไปทอดอาหาร เพราะถ้าเอาไปทอดจะเจอกับความร้อนสูงจนเกิดสารอนุมูลอิสระที่อันตรายต่อร่างกายเราจะเจอน้ำมันถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำสลัดหลายชนิด เช่น มายองเนส เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวทำให้ไม่แข็งเป็นไขเวลาเจอกับสลัดเย็น ๆ และตัวน้ำมันถั่วเหลืองเองมีกลิ่นและรสที่ไม่แหลมเลยเหมาะกับการทำน้ำมันสลัด


2.น้ำมันปาล์ม


เป็นน้ำมันที่เป็นหัวหอกในการทอดอาหาร เพราะเดิมราคาถูก ทนความร้อนได้สูงทำให้ทอดแบบไฟแรงแล้วอาหารกรอบ แต่ปัจจุบันราคาสูงขึ้นมากเพราะถูกเอาไปทำไบโอดีเซลด้วย (แต่ยังถูกกว่าน้ำมันประเภทอื่น ๆ) ถ้าพูดถึงน้ำมันทอดอาหารแบบทอดน้ำมันท่วมแล้วไม่มีอะไรมาแทนได้ ส่วนการผัดนั้นก็ทำได้แต่โดยมากจะใช้น้ำมันอื่นมากกว่าเนื่องจากมีคอเลสเตอรอลสูง


3.น้ำมันรำข้าว


มีจุดเด่นคือมีโอริซานอล ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นได้สูงทำให้ไม่ต้องใส่สารกันหืน ทำให้เหมาะสำหรับสายสุขภาพที่ต้องการน้ำมันที่มีประโยชน์และสารเคมีต่ำ แต่ราคาจะสูงกว่าน้ำมันถั่วเหลืองพอสมควร ยิ่งถ้าเป็นการทอดแบบน้ำมันท่วมจะเปลืองมากเลยไม่ค่อยนิยมนำไปทอดอาหาร


4.น้ำมันงา


เป็นน้ำมันที่มีรสและกลิ่นโดดเด่น เลยมักใช้ในผัดหรือราดลงบนอาหารเพื่อแต่งกลิ่น มีจุดเกิดควันต่ำเลยไม่เหมาะกับการเอาไปทอด (น้ำมันจะไหม้) เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันดีจำนวนมาก และมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงเหมาะกับสายสุขภาพ แต่ราคาจะสูงเสียหน่อย


5.น้ำมันมะกอก


ตัวแทนแห่งน้ำมันสุขภาพเพราะประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งเป็นไขมันดีจำนวนมาก และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ช่วยชลอความชรา แต่มีกลิ่นและรสที่เป็นเอกลักษณ์ และราคาแพง ปกตินิยมใช้ประเภท Extra Virgin Oil ที่เกิดจากการบีบผลมะกอกสดมารับประทานด้วยการราดลงบนอาหารเพื่อแต่งรสและกลิ่น น้ำมันประเภทนี้ไม่ควรโดนความร้อนเลยเพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร รวมถึงรสและกลิ่นจะผิดไปด้วย


6.น้ำมันคาโนลา


น้ำมันครอบจักรวาลที่ใช้งานได้หลากหลาย ทำจากเมล็ดของดอกคาโนลา (ผักกาดก้านขาว) มีจุดเด่นเกือบทุกอย่างของน้ำมันชนิดอื่น ๆ คือ ไม่มีสีหรือรสทำให้ใช้ทำขนมได้โดยรสไม่เพี้ยน มีกรดไขมันดีจำนวนมากดีต่อสุขภาพ และยังมีผลวิจัยอ้างอิงเรื่องช่วยลดอาการซึมเศร้า


7.น้ำมันมะพร้าว



น้ำมันที่สกัดจากเนื้อมะพร้าว มี 2 ประเภทคือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่จะใส ไม่มีสี มีกลิ่นหอมเหมือนมะพร้าว เพราะไม่ได้ผ่านความร้อนแต่ใช้การแยกไขมันมะพร้าวจากหัวกะทิด้วยการแช่เย็นแล้วแยกเฉพาะส่วนไขมันออกมา กับน้ำมันมะพร้าวผ่านกรรมวิธี สีเหลืองใส ที่ใช้การบีบน้ำมันด้วยเครื่องหรือสกัดน้ำมันด้วยตัวทำละลายแบบเดียวกับน้ำมันพืชอื่น ๆ
.
มีจุดเด่นของน้ำมันมะพร้าวคือประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวที่ดีชื่อกรดลอริก (Lauric Acid) จำนวนมาก เมื่อนำมาทอดอาหารจะมีโทษต่อสุขภาพน้อยกว่าไขมันอิ่มตัวอื่น แต่ราคาจะสูงกว่าน้ำมันปาล์มเกือบ 2 เท่าจึงเหมาะสำหรับสายสุขภาพมากกว่าร้านค้าที่ต้องใช้น้ำมันทีละมาก ๆ


8.น้ำมันข้าวโพด


เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งคอเลสเตอรอลต่ำเหมาะกับการผัด มีจุดเกิดควันสูงทำให้ใช้ทอดอาหารได้ และไม่จับตัวเป็นไขเพราะไขมันอิ่มตัวต่ำจึงใช้ทำน้ำมันสลัดได้ แต่ในไทยราคาจะสูงกว่าน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจึงเหมาะกับการใช้งานในครัวเรือนที่ต้องการน้ำมันครอบจักรวาลมากกว่า


9.น้ำมันหมู



น้ำมันหมูนิยมใช้ในการผัดอาหารเนื่องจากจะได้รสและกลิ่นของหมูเสริมลงไปในอาหารทำให้อาหารที่ใช้น้ำมันหมูมีรสชาติเข้มข้นขึ้น ส่วนการใช้ทอดก็ทำได้เพราะทนความร้อนสูงแต่โดยมากนิยมใช้น้ำมันปาล์มมากกว่า
.
เดิมน้ำมันหมูถูกเชื่อว่าเป็นอันตราย แต่ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่ากินได้เหมือนน้ำมันอื่น ๆ แต่ก็ต้องกินพอประมาณ
.
ข้อเสียของน้ำมันหมูคือการเกิดกลิ่นหืนจากแบคทีเรีย แต่แก้ได้ด้วยการใส่เกลือลงไปในการเจียวน้ำมันหรือใส่หอมแดงลงไปเจียวร่วมจะทำให้เก็บน้ำมันหมูได้นานขึ้นแบบไม่หืน


อ้างอิง:https://www.facebook.com/goojone/posts/2497185707165903